top of page
Fah Chana

(รีวิว) ปีนกำแพงเมืองจีน 3 ด่าน

Updated: May 1, 2020

ด้วยความโชคดีที่ได้มีโอกาสอยู่ปักกิ่งมาเกือบ 2 ปี เลยได้ไปปีนกำแพงเมืองจีนไปหลายรอบอยู่ (คนปักกิ่งหลายๆ คนยังไม่เคยไปด้วยซ้ำ) วันนี้เลยมารีวิวให้ดูกันว่าไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนเป็นยังไง ต้องเตรียมตัวไปยังไงบ้าง แล้วแต่ละด่านที่เราเคยไปมันแตกต่างกันยังไง


อย่างแรกก่อนคือการเตรียมตัวไปปีนกำแพง สิ่งที่ควรเตรียมคือดูรายละเอียดว่าจะไปกำแพงส่วนไหน เลือกแล้วต้องดูว่าส่วนนั้นมีรถกระเช้าหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ต้องเตรียมปีนเขา เช่น ควรใส่รองเท้าที่เหมาะกับการปีนป่าย เสื้อผ้าที่ใส่ต้องเข้ากับฤดูกาล นอกจากนี้แต่ละด่านจะมีร้านขายของก่อนขึ้นกำแพง แต่บางที่ถ้าขึ้นกำแพงไปแล้วจะไม่มีร้านค้าอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นควรเตรียมน้ำหรืออาหารมาด้วย การเดินบนกำแพงเมืองจีนนั้นระยะเวลานั้นขึ้นอยู่กับคนเดินเลย บางคนแค่ขึ้นมาชมไม่ถึงชั่วโมง ถ่ายภาพแป๊บๆ ก็ลง ในขณะที่บางคนเดินจากสุดทางหนึ่ง (ที่เค้าอนุญาต) จนถึงอีกสุดทาง ซึ่งสามารถเดินได้เป็นหลายชั่วโมง อยู่ได้ทั้งวันจริงๆ

 

1. ด่านมู่เถียนยู่ว 慕田峪长城


กำแพงเมืองจีน ด่านมู่เถียนยู่ว หน้าร้อน
กำแพงเมืองจีน ด่านมู่เถียนยู่ว หน้าร้อน

เค้าว่ากันว่าเป็นด่านที่สวยที่สุดในด่านทั้งหมดของกำแพงเมืองจีน ด่านนี้อยู่ห่างจากปักกิ่งประมาณ 70 กิโลเมตร นั่งรถประมาณ 2 ชั่วโมงได้ การเดินทางค่อนข้างจะลำบากนิดนึงสำหรับคนที่มาเที่ยวเอง เพราะไม่มีรถไฟใกล้ๆ และถ้านั่งรถเมล์มาก็ต้องใช้เวลาพอสมควร เกือบครึ่งวันได้ ดังนั้นถ้าให้แนะนำจริงๆ ควรมากับทัวร์ หรือถ้าหาออนไลน์จะมีพวกกรุ๊ปนักปีนเขาชาวต่างชาติที่จะนัดกันไปปีนกำแพงด้วยกัน กรุ๊ปพวกนี้จะราคาไม่แพงมาก เหมาะสำหรับคนขาลุย (แต่อาจจะต้องทำใจเรื่องภาษา เพราะส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกฤษ)


ส่วนตัวแล้วเคยมาด่านนี่ 3 ครั้ง ครั้งแรกมากับโรงเรียน ครั้งที่สองพาพ่อแม่มาเที่ยว และครั้งที่สามพาเพื่อนมาเที่ยว บอกเลยว่าคุ้นเคยกับที่นี่พอสมควร ด่านนี้จะไม่นิยมเท่าด่านปาต้าหลิง (ที่มีศิลาจารึกลายมือท่านประธานเหมาเจ๋อตุง) เพราะอยู่ไกลกว่าตัวเมือง แต่ก็ถือเป็นที่นิยมอันดับสองของด่านทั้งหมด ความแน่นของคนก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่มาด้วย แน่นอนหน้าร้อนคนจะเยอะกว่าหน้าหนาว สุดสัปดาห์คนก็เยอะกว่าเป็นปกติ เราเคยมาตอนหน้าหนาว และหน้าร้อน บรรยากาศก็จะต่างกัน หน้าหนาวภูเขาจะเป็นสีน้ำตาล กลืนกันไปกับกำแพง แต่หน้าร้อนภูเขาก็เขียวชอุ่ม ดูสวยงาม (อีกอย่างที่ทุกคนต้องทำใจคือปัญหามลภาวะของเมืองจีน ครั้งที่สองที่มานั้น มีทั้งมลภาวะ กับหมอก ดูแทบไม่เห็นกำแพงเลย แต่โชคดีว่าครั้งที่ 3 มาช่วงหน้าร้อน ท้องฟ้าโปร่ง ถ่ายรูปสวยเลย)

Mutianyu Great Wall in Winter
ด่านมู่เถียนยู่วช่วงหน้าหนาว
กำแพงเมืองจีน มู่เถียนยู่ว มลภาวะ
ด่านมู่เถียนยู่ว ตอนหน้าหนาว มีมลภาวะเยอะ

ครั้งแรกที่มาทางโรงเรียนจองรถเช่ามาส่ง แต่อีกสองครั้งเราได้ใช้บริการจัดทัวร์ของ China Highlights

ต้องบอกว่าบริการดีถึงใจมาก ราคาอาจจะแพงนิดนึง แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนตารางการเดินทาง หรือเลือกร้านอาหารตามความสะดวกของตัวเอง ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว ข้อเสียอาจจะสำหรับคนที่ไม่สันทัดภาษาอังกฤษ เพราะไกด์จะพูดภาษาอังกฤษทั้งหมด (นอกจากพูดภาษาจีนได้ ไกด์คงดีใจ ไม่ต้องเหนื่อยเลย)


เมื่อเดินทางมาถึงด่านมู่เถียนยู่ว จะมีทางขึ้นกำแพง 2 ทาง ซึ่งคือด่าน 6 กับด่าน 14


ส่วนตัวแล้วเคยขึ้นแต่ทางด่าน 14 เพราะทุกคนบอกว่าด่านนี้ขึ้นไปถึงแล้ววิวสวยที่สุด อีกอย่างเป็นด่านที่มีรถเคเบิ้ลนั่งขึ้นไปได้ ไม่ต้องปีนเอง (แต่ถ้าอยากปีนเองก็ปีนได้นะ) ครั้งแรกที่มานี่ปีนเองซึ่งถ้าไม่แข็งแรงจริงกรุณาพิจารณา เราใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงเพื่อปีนไปถึงกำแพง (แต่สำหรับคนที่สายแข็งแรงชั่วโมงเดียวน่าจะถึง) ตอนนั้นไปกับคนที่โรงเรียน มีคนสวิสกับคนมองโกเลียไปด้วย สองคนนี้ชินกับการปีนเขา ปีนแป๊บๆ ก็ถึงยอด มีแต่เรากับคนนอร์เวย์พร้อมครูที่ครวญครางเกือบยอมแพ้ไปหลายรอบ


สำหรับคนที่ไม่ไหวจริงๆ ก็ซื้อตั๋วรถกระเช้าเลย อาจจะแพงนิดนึง คนละ 100 หยวน ขาเดียว (ประหยัดแค่นั่งขึ้นแล้วเดินลงมาเอง แต่เข่าอาจจะพังได้นะ) ส่วนทั้งขาขึ้นขาลงราคา 120 หยวน รถกระเช้านี่แนะนำสำหรับทั้งคนที่ไม่ค่อยแข็งแรง และคนที่ต้องการทำเวลา เพราะอย่างว่าแค่ปีนขึ้นไปก็ชั่วโมงนึง เดินบนกำแพงอีกอย่างน้อย 1 - 2 ชั่วโมง ตามความพอใจของแต่ละคน แล้วยังใช้เวลาเดินลงมาอีก เร็วที่สุดก็ยังไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง ดังนั้นนั่งรถกระเช้าก็จะรักษาเวลาไปได้พอสมควร


ความตื่นเต้นเล็กๆ อีกอย่างคือ รถกระเช้าบางรถจะมีป้ายติดไว้เป็นพิเศษ นั่นคือเวลาคนมีชื่อเสียงมาเยือนกำแพงเมืองจีน รถกระเช้าที่เค้านั่งก็จะได้ติดป้ายไว้ว่าเป็นคันที่เค้าได้นั่ง มีตั้งแต่ประธานธิบดีของสหรัฐอเมริกา เช่น ริชาร์ด นิกซอน ภริยาประธานธิบดี มิเชลล์ โอบามา ราชินีอลิซาเบธที่สอง และอื่นๆอีกมากมาย ตอนเรามาครั้งที่สองโชคดี ได้นั่งคันเดียวกับ บิล คลินตัน


cable car to Mutianyu Great wall
นั่งรถกระเช้าขึ้นไปบนกำแพง

ถ้าใครอยากขึ้นที่ด่าน 6 ที่นี่ก็มีความดีคือขาลงสามารถนั่งสไลเดอร์ลงมาได้ (บอกเลยว่าสนุกมาก) แต่ไม่มีรถกระเช้าพาขึ้นไป ต้องเดินขึ้นไปเอง ดังนั้นทางที่ดีที่สุดสำหรับคนที่อยากเก็บประสบการณ์แบบเต็มอิ่ม คือปีนขึ้นไปตรงด่าน 14 ก่อน เดินชมวิวตรงนั้น เพราะเป็นวิวที่สวยที่สุด จากนั้นเดินย้อนกลับไปทางด่าน 6 เพื่อนั่งสไลเดอร์กลับลงมาข้างล่าง


ด่านนี้ถ้าตั้งใจอยู่ยาวควรเตรียมน้ำเตรียมอาหารมาด้วย ถ้านั่งรถกระเช้าขึ้นไปข้างบนจะไปมีร้านขายน้ำขายอาหาร แต่ถ้าปีนขึ้นไปเองจะมีร้านเล็กๆ ระหว่างทางสามารถแวะซื้อน้ำและของกินได้


สำหรับข้อมูลราคาตั๋วต่างๆ ของกำแพงเมืองจีนด่านนี้ ดูได้ที่


 

2. ด่านหวงฮวาเฉิง หรือ กำแพงน้ำ 黄花城 / 水长城


หวงฉวาเฉิง กำแพงเมืองจีน ริมทะเลสาบ
หวงฮวาเฉิง หรือ กำแพงน้ำ

กำแพงด่านนี้บอกเลยว่าประทับใจมากที่สุด เพราะโชคดีมากที่ได้มาวันที่หิมะตกพอดี ต้องบอกว่าโชคชะตามันเล่นตลก เพราะจริงๆ เราไปช่วงต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นฤดูใบไม้ผลิของปักกิ่งแล้ว ดอกไม้เริ่มผลิดอกสวยงาม ทีแรกตั้งใจจะไปปีนกำแพงดูดอกไม้ แต่ก่อนเดินทางหนึ่งวัน จู่ๆ ปักกิ่งก็หิมะตก ทั้งๆ ที่ปีนั้นทั้งช่วงฤดูหนาว ไม่มีหิมะตกลงมาเลย จะบอกว่าโชคดี หรือโลกเราอากาศแปรปรวนจนเป็นอย่างงี้ดี


ครั้งนี้เราเดินทางมาโดยใช้บริการกรุ๊ปทัวร์สำหรับนักเรียนนักศึกษาชาวต่างชาติ (แต่ถ้าเป็นคนจีน อยากใช้ด้วยก็ได้) อันนี้ไม่ค่อยแนะนำสำหรับคนที่มาเที่ยวสั้นๆ เพราะการจ่ายค่าทัวร์ต้องจ่ายผ่าน WeChat ดังนั้นถ้าคนไม่มี WeChat Pay ก็จะจองทัวร์นี้ไม่ได้ (แต่ถ้ามีเพื่อนที่มีก็ฝากเค้าโอนได้นะ) ถ้าใครสนใจตามลิงค์นี้ไปได้เลย


FCN Foreigner China: Laowai


ทัวร์นี้ต้องบอกว่าสำหรับคนที่มีโอกาศอาศัยอยู่ที่ปักกิ่งนานในระดับนึง เป็นทัวร์ที่คุ้มค่ามาก ทุกเสาร์อาทิตย์ เค้าจะจัดทัวร์ไปเที่ยวรอบๆ ปักกิ่ง หรือมณฑลรอบๆ ปักกิ่ง บางทีก็ไปไกลถึงธิเบตเลย ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา (ถ้าเป็นช่วงวันหยุดยาวก็จะไปไกลหน่อย) ราคานักเรียนนักศึกษา ที่พักดีใช้ได้ แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งคือไม่ค่อยให้ความรู้เท่าไหร่ เพราะไกด์เป็นนักศึกษาเหมือนกัน ไม่ใช่ไกด์มืออาชีพ แล้วพอถึง เค้าก็จะปล่อยให้เราเดินกันเอง ถึงเวลานัดก็กลับมาที่รถ ดังนั้นอาจจะไม่ได้ความรู้มากนัก ถ้าไม่อ่านมาก่อนเอง


ครั้งนี้เรามากับทัวร์ด้วยโปรโมชั่นมา 5 คน คนจองได้ลดราคา นั่งรถทัวร์มาประมาณ 2 ชั่วโมง การมาทัวร์นั้นเราเลยมาช่องทางแบบทางการ ซื้อตั๋วเข้ามาบริเวณที่เค้าจัดไว้เป็นที่ท่องเที่ยว อันนี้ที่ต้องบอกเพราะว่ากำแพงเมืองจีนมันยาวแสนยาว รัฐบาลจีนไม่มีเงินและกำลังคนมากพอที่จะฟื้นฟูทั้งกำแพงได้ เค้าจึงเลือกมาเป็นส่วนๆ เพื่อทำเป็นสถานที่รับนักท่องเที่ยว และมีส่วนที่ไม่ได้รับการปรับปรุงอย่างเป็นทางการ ส่วนนี้จึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งที่ชอบความท้าทายไปปีนกันเอง ให้ความรู้สึกแบบดิบๆ ดี แต่ก็ต้องระวังตัวมาก เพราะกำแพงในส่วนนั้นไม่ได้รับการดูแล ไม่มีรั้วกั้น ใครเดินสะดุด เหยียบผิดที่ มีโอกาสตกลงมาบาดเจ็บเสียชีวิตได้ และด้วยสัญญาณโทรศัพท์ที่ไม่ทั่วถึงจะเรียก

คนมารับก็ยากมาก ดังนั้นใครเลือกเดินทางแบบนี้ต้องระวังตัวมากๆ เพราะแถวนั้น


มี 2 กรณีหลักๆ ที่เราเคยได้ยินมา อันหนึ่งคือเราเคยถามคนที่โรงเรียนว่ามีใครเคยตกลงมาบาดเจ็บมั้ย เค้าบอกว่ามี เป็นเด็กผู้ชายฝรั่งมาเรียนภาษาจีนอยู่ 3 เดือน ไปปีนกำแพงส่วนที่ไม่ได้ปรับปรุง แล้วไปเดินตรงขอบกำแพงที่ไม่แข็งแรง เหยียบอิฐที่หลวมแล้วเซตกลงจากกำแพง ขาหักทั้งสองข้าง สุดท้ายต้องนอนโรงพยาบาลจีน 3 เดือน เพื่อนๆ ต้องเอาการบ้านมาให้ทำที่โรงพยาบาล ไม่ได้ไปเที่ยวไหนอีกเลย


ส่วนเรื่องที่สองคือเป็นกลุ่มนักศึกษาคนจีนที่ต้องการปีนกำแพงเมืองจีนด้วยตนเองไม่พึ่งทางที่รัฐบาลสร้างไว้ให้ แต่แล้วก็ขาดการติดต่อกับโลกภายนอกไปเกือบอาทิตย์ รัฐบาลต้องส่งหน่วยกู้ภัยออกไปตามหา (คนที่คิดว่ากำแพงมันยาวติดกันจะหลงทางได้อย่างไร ต้องเข้าใจว่ากำแพงบางส่วนนั้นได้พังทลายลงมาเพราะความเสื่อมสภาพตามกาลเวลา และมีบางส่วนที่ชาวบ้านมารื้อเอาก้อนหินอิฐมาใช้สร้างบ้านตัวเองก็มี ดังนั้นที่ที่นักศึกษานี้หลงไปคงเป็นช่วงที่กำแพงหายไปแล้วหลงทางหาทางขึ้นต่อไม่เจอ) โชคดีที่สุดท้ายหาเจอ แต่ก็เป็นอุทาหรณ์ให้คนที่อยากท้าทาย



เอกลักษณ์ของกำแพงด่านนี้คือ การที่เอาบริเวณกำแพงมาทำเขื่อนเก็บน้ำ ทำให้เป็นบรรยากาศที่สวยงาม ฮวงจุ้ยดี เพราะมีทั้งน้ำทั้งภูเขา ที่นี่ไม่มีรถกระเช้านั่งขึ้นไป แต่จะมีทางเท้าที่สร้างเอาไว้ให้เดินตาม ซึ่งเทียบกับด่านมู่เถียนยู่วแล้วถือว่าเดินง่ายกว่า (ที่ด่านมู่เถียนยู่วบันไดขึ้นไปค่อนข้างชันกว่าเยอะ)


กำแพงเมืองจีน ด่านหวงฮวาเฉิง กำแพงน้ำ
ด่านหวงฮวาเฉิง เห็นวิวเขื่อนสวยงาม

หลังจากปีนบนกำแพงเสร็จ เราก็สามารถเดินลงมาแล้ววนไปรอบๆ เขื่อนได้ มีบริการนั่งเรือด้วยสำหรับคนที่ไม่อยากเดิน ระหว่างทางมีร้านขายของกับอาหาร สามารถนั่งชมบรรยากาศพร้อมกินข้าวไปได้ด้วย (แต่บนกำแพงจะไม่มีร้านขายน้ำขายอาหาร ซึ่งจริงๆก็ไม่ลำบากมาก เพราะเทียบกับด่านอื่นๆ ด่านนี้ถือว่าระยะทางในการเดินกำแพงนั้นสั้นกว่า)


ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมไปดูได้ที่นี่เลย


 

3. ด่านจินชันหลิง 金山岭



ด่านจินชันหลิง ด่านนี้เป็นที่โปรดปรานสำหรับขาลุย เพราะการปรับปรุงนั้นทำไปแค่ส่วนเดียว ส่วนที่เหลือยังคงสภาพความดั้งเดิมไว้อย่างเต็มที่ ที่นี่มีรถกระเช้าสามารถนั่งขึ้นไปได้เหมือนที่มู่เถียนยู่ว ครั้งนี้เราก็มากับทัวร์เช่นเดียวกัน ด่านนี้ไกลกว่าอีก 2 ด่านที่แนะนำไป ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เราออกจากปักกิ่งประมาณ 7 โมงเช้ามาถึงกำแพงด่านนี้ประมาณ 10 โมงเช้า และนัดเวลากลับเวลาบ่าย 3 โมง กินข้าวก็กินกันบนกำแพงนี่แหละ เราเลือกที่จะนั่งรถกระเช้าขึ้นไป (เข็ดกับการปีนมาก) ด่านนี้มีเสน่ห์นั่นคือยังคงความเก่าแก่โบราณที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตั้งแต่สมัยที่สร้างขึ้นมา วิวทิวทัศน์สวยงาม อิฐแต่ละก้อนนั้นก็เป็นของดั้งเดิม อาจจะมีต่อเติมเพื่อความความปลอดภัยในบริเวณสั้นๆ แต่ส่วนใหญ่คือยังเหมือนเก่า ที่นี่ดีตรงที่มีร้านขายน้ำอาหารในป้อมบางป้อม ถ้าใครหิวหรือกระหายน้ำก็สามารถแวะซื้อได้

จินชันหลิง กำแพงเมืองจีน
กำแพงเมืองจีนด่านจินชันหลิง

อีกอย่างด่านนี้เป็นที่นิยมสำหรับคนชอบปีนเขา เพราะสามารถเดินยาวไปได้ถึงด่านอีกด่าน (ด่านซือหม่าไท่) ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งสำหรับคนสายอึดจริงๆ เมื่อมาถึงด่านซือหม่าไท่ได้ ข้างๆกำแพงจะมีเมืองท่องเที่ยวชื่อ เมืองน้ำกู๋เป่ย 古北水镇 ซึ่งเป็นเมืองจำลองจากเมืองน้ำอูเจิน (乌镇水乡) ในเมืองหางโจว ทางใต้ของเมืองจีน เมืองนี้เหมาะที่จะปิดท้ายการเดินทาง เพราะมีทั้งร้านอาหาร ที่พัก และพิพิธภัณฑ์เล็กๆ เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนท้องถิ่น ส่วนตัวแล้วเคยมาที่นี่แต่ไม่ได้ขึ้นไปบนกำแพง (วันนั้นลมแรงมาก เค้าเลยปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเพราะอันตราย) อีกอย่างที่แนะนำคือถ้ามีโอกาสอยู่ถึงตอนเย็นจนพระอาทิตย์ตกได้ ให้อยู่ชมวิวตอนกลางคืนซึ่งสวยงามมากแนะนำว่าก่อนพระอาทิตย์ตก (ต้องเช็คเวลาด้วยเพราะถ้าฤดูหนาว 4 - 5 โมงพระอาทิตย์ก็เริ่มตกแล้ว) ให้ขึ้นไปบนจุดชมวิวด้านบน มองลงมาจะเห็นวิวเมืองนี้ทั้งเมือง


Simatai Great Wall from Gubei Water Town
วิวจากเมืองกู๋เป่ย เห็นกำแพงด่านซือหม่าไท่

Gubei Water Town
เมืองกู๋เป่ย ปักกิ่ง

Night View Gubei Water Town
วิวตอนกลางคืน ที่เมืองกู๋เป่ย

ถ้าต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องเมืองกู๋เป่ย ดูได้ที่นี่

 

จบรีวิวปีนกำแพงเมืองจีน 3 ด่าน หวังว่าจะช่วยทุกคนตัดสินใจแวะไปปีนกันสักครั้งหนึ่ง ถือเป็นประสบการณ์สุดคุ้มที่ควรทำอย่างยิ่งถ้ามีโอกาสไปเที่ยวปักกิ่ง

1,634 views0 comments

Comments


bottom of page