top of page
Fah Chana

(รีวิว) เป็ดปักกิ่งสไตล์ปักกิ่ง!!

หลายคนอาจจะคิดว่า อะไร เป็ดปักกิ่ง มันก็ต้องมาจากปักกิ่งอยู่แล้วสิ วันนี้เราจะมาช่วยเพื่อนๆ ทำความเข้าใจใหม่ว่าเป็ดปักกิ่งที่เรากินกันในเมืองไทย กับเป็ดปักกิ่งจากปักกิ่งนั้นมันต่างกันนะจ๊ะ


เราคนไทยจะชินกับร้านอาหารจีนบ้านเราที่เสิร์ฟเป็ดปักกิ่งที่แล่แค่ส่วนหนังออกมาให้เราจิ้มซอสหวานกินกับพวกแป้งหมั่นโถวเป็นชิ้นๆ หรือห่อแป้งแผ่นบางๆ ใส่ต้นหอม แตงกวา หรือพริกให้ได้รสชาติเผ็ดๆ หวานๆ กินหนังเสร็จเนื้อก็จะเอาไปทำอาหารจานอื่น เช่น นำไปผัดกระเทียมพริกไทยบ้าง ทำเป็นเมี่ยงก็มี เป็ดปักกิ่งแบบที่เรากินกันนั้นไม่ใช่แบบปักกิ่งตามชื่อแต่เป็นแบบฮ่องกง (กวางตุ้ง) ต่างหาก


แต่ถ้าเราไปกินเป็ดปักกิ่งที่ปักกิ่งเราจะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจน เป็ดปักกิ่งนี้ดั้งเดิมเริ่มต้นจากการเป็นอาหารในวังเท่านั้น ซึ่งถูกบันทึกไว้ตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1271 - 1368) จนกระทั่งถึงยุคของจักรพรรดิเฉียนหลงในราชวงศ์ฉิง (ค.ศ. 1736 - 1796) ถึงได้แพร่หลายไปในหมู่ชนชั้นสูง และในที่สุดในปี ค.ศ. 1864 ร้านอาหาร ฉวนจู๋เต๋อ ซึ่งเป็นร้านเป็ดปักกิ่งร้านแรกที่เปิดขึ้นให้คนสามัญชนคนธรรมดาได้ลิ้มรสเป็ดปักกิ่งกันโดยทั่วไป เป็นจุดเริ่มต้นของความแพร่หลายของอาหารจานนี้ และสุดท้ายก็มีชื่อเสียงโด่งดังจนเป็นอาหารประจำชาติของจีนเลยก็ว่าได้



ความแตกต่างของเป็ดปักกิ่งที่ว่ามานี้กับเป็ดปักกิ่งของบ้านเราคือการแล่หนังนั่นเอง บ้านเราจะแล่แค่หนังบางๆ แต่ที่ปักกิ่งนั้นเค้าจะแล่หนังติดเนื้อมาด้วย ของกับแกล้มที่กินก็ไม่เหมือนกัน ที่ปักกิ่งนั้นเค้าจะเสิร์ฟเป็ดให้เราเป็น 3 ขั้นตอน ขั้นแรกเค้าจะแล่หนังเปล่าๆ ก่อนให้เราจิ้มกินกับน้ำตาลหรือซอสกระเทียม (กินกับน้ำตาลนี่หวานละลายในปากเลย) จากนั้นก็จะแล่หนังติดเนื้อและเนื้อเปล่าๆ ซึ่งส่วนนี้จะนำมาห่อในแผ่นแป้งบางๆ ห่อกินกับต้นหอมและซอสหวาน (บางที่ก็แนะนำให้เอาซอสกระเทียมทาบนแป้งแล้วห่อเป็ดกินก็มี แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน) มีแตงกวาหรือหัวไชเท้ามาให้กินแก้เลี่ยน จะกินเปล่าๆ หรือม้วนเข้าไปกับแป้งด้วยก็ได้ และสุดท้ายเค้าจะเอาเนื้อที่เหลือนั้นไปทำเป็นซุป หรือผัดกับผักในรูปแบบต่างๆ แต่ถ้าลูกค้าไม่อยากกินที่ร้าน เค้าก็จะห่อกระดูกและเนื้อที่เหลือให้นำกลับบ้านไปได้เลย



วันนี้เราจะมาขอแนะนำร้านอาหารเป็ดปักกิ่งในปักกิ่งที่อร่อยเหาะ ถ้าเพื่อนๆ ได้มีโอกาสไปเที่ยวปักกิ่งควรแวะไปลองชิมกันดูค่ะ


 

1. ร้าน ฉวนจู้เต๋อ 全聚德

Quan Ju De


อย่างที่เกริ่นมาก่อนหน้านี้ ร้านฉวนจู้เต๋อเป็นหนึ่งในร้านเป็ดปักกิ่งที่เก่าแก่ที่สุดในปักกิ่ง เปิดมามากกว่าร้อยปี ใครมาปักกิ่งก็ต้องมากินร้านนี้กัน ร้านนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลจีน ดังนั้นเวลามีงานเลี้ยงใหญ่โตทางการเมืองหรือเลี้ยงต้อนรับแขกต่างชาติเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีก็จะมาจัดที่ร้านนี้ ดังนั้นถ้าใครอยากมาร้านสาขาแรกดั้งเดิมที่เฉียนเหมินอาจจะต้องจองล่วงหน้าหลายวัน (หรือต้องฝากไกด์จองให้ จะมีโอกาสมากกว่า)


ส่วนตัวเคยมากินร้านนี้แล้ว ต้องยอมรับว่าเป็ดปักกิ่งอร่อยสมคำร่ำลือ แต่เสียอย่างเดียวคืออาหารจานอื่นรสชาติธรรมดา ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ และที่นั่งค่อนข้างเบียดเสียดกันเพราะลูกค้าเยอะมาก อีกอย่างคือราคาค่อนข้างแพง เป็ดตัวละ 258 หยวน (1,180 บาท) ดังนั้นแนะนำร้านสำหรับคนที่อยากลองกินเป็ดปักกิ่งรสดั้งเดิมและสัมผัสบรรยากาศแบบเก่าๆเพราะร้านยังคงรูปแบบและการตกแต่งแบบร้านอาหารจีนสมัยก่อน ที่เปิดโล่งตรงกลางเพื่อตั้งโต๊ะอาหาร และมีชั้นลอยข้างบนทั้ง 4 ด้าน เหมือนในหนังจีนกำลังภายใน

 

2. ร้านต้าต่ง 大董烤鸭店 Da Dong


ร้านต้าต่งก็ถือเป็นหนึ่งในร้านขายเป็ดปักกิ่งชื่อดังของปักกิ่งเช่นเดียวกัน แต่ตรงข้ามกับฉวนจู้เต๋อตรงที่ได้สอดแทรกความทันสมัยทั้งทางด้านการทำอาหารและการตกแต่งร้าน ต้องบอกว่าดูเป็นอาหารแบบ fine dining ไปเลย ไม่พอกลางร้านจะมีเตาย่างเป็ดปักกิ่ง และมีเชฟเดินเข้าออกกันขวักไขว่เพื่อย่างเป็ดให้เราดูด้วย


ราคาที่นี่ค่อนข้างสูง แต่อาหารเกือบทุกอย่างที่เคยสั่งมาอร่อยมาก อีกอย่างที่คิดว่าดีคือเมนูสามารถเลือกขนาดจานได้ (เล็ก กลาง และใหญ่) เพื่อให้สามารถรองรับแขกตั้งแต่โต๊ะเล็กจนถึงแขกโต๊ะจีนโต๊ะใหญ่ได้โดยไม่ต้องคิดมากเรื่องปริมาณอาหารว่าพอหรือไม่พอ ที่นี่ขายเป็ดปักกิ่ง 2 ขนาด ครึ่งตัวกับเต็มตัว แต่จริงๆ ครึ่งตัวคือเป็ดขนาดเล็กกว่า ไม่ได้หั่นครึ่งจริงๆ ราคาเต็มตัวอยู่ที่ตัวละ 298 หยวน (1,360 บาท) ตัวนึงกินได้ 2 - 3 คน รสชาติต้องบอกว่าอร่อยสมราคา เคยพาคุณพ่อไปกินเป็ดปักกิ่งมา 3 ร้านแต่ร้านนี้คุณพ่อถูกปากมากที่สุด ยกนิ้วให้เลยค่ะ อาหารอย่างอื่นในเมนูก็อร่อยใช้ได้ (แต่ราคาก็จะสูงตามกันไป) ร้านนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการบรรยากาศแบบหรูหราและทันสมัย ส่วนใหญ่คนต่างชาติจะชอบร้านที่นี่มากกว่าร้านแบบดั้งเดิมอย่างฉวนจู้เต๋อ


แต่ที่ต้องระวังอย่างหนึ่งคือร้านนี้ควรจองล่วงหน้า เพราะถ้าไม่ได้จองอาจจะต้องรอถึง 2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่มาด้วย ประสบการณ์ของเราคือมากับเพื่อนตอน 5 โมงเย็นแค่ 2 คนก็รอตั้ง 2 ชั่วโมงเพราะไม่มีโต๊ะว่างเลย อีกจุดหนึ่งที่ต้องระวังคือพนักงานร้านจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ดังนั้นจะมีปัญหาการสื่อสารถ้าไม่สามารถพูดภาษาจีนได้ เป็นไปได้ก็ควรพาคนพูดจีนได้ไปกินด้วย อย่างตอนเราพาเพื่อนที่เป็นคนอินเดียไปกิน พนักงานนึกว่าเราเป็นคนจีนที่พาคนต่างชาติมาเที่ยว มาขอให้เราไปช่วยคุยภาษาอังกฤษกับลูกค้าฝรั่งที่ต้องการจองโต๊ะ คุยเสร็จก็มาขอบคุณเราใหญ่เลย คนในปักกิ่งส่วนใหญ่จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้กัน ดังนั้นต้องทำใจนิดนึงถ้ามาเที่ยวเองนะคะ


นอกจากนี้ ร้านต้าต่งมีวิสัยทัศน์ที่ต่างจากร้านอาหารจีนอื่นๆ คือมีการพัฒนาเป็ดปักกิ่งให้ออกมาในรูปแบบอาหาร fastfood นั่นคือร้าน ต้าต่งยา ซึ่งนำเป็ดปักกิ่งมานำเสนอในรูปแบบแฮมเบอร์เกอร์นั่นเอง เป็นความคิดที่แหวกแนวมากเลยทีเดียว ราคาของเบอร์เกอร์เป็ดปักกิ่งนี้ก็จะลดลงมาหน่อยเพราะถือเป็นอาหารแบบ fastfood ราคาปกติอยู่ที่ 28 หยวน (130 บาท) นอกจากนี้ในร้านยังมีขายอาหารแบบอื่นด้วย เช่น เป็นปักกิ่งแวรป (wrap) บะหมี่ต่างๆ ผัดผัก และซุปเป็ด เป็นอีกหนึ่งอาหารที่น่าลองเมื่อมาเที่ยวปักกิ่ง


 

3. ร้าน ซื่อจี้หมินฝู

四季民福烤鸭店 Si Ji Min Fu


ร้านนี้ก็เป็นร้านที่นิยมมากในหมู่คนปักกิ่ง เพราะเป็นร้านที่อาหารอร่อย แต่ราคาย่อมเยา ท่ี่นี่เป็นร้านที่ไกด์พาเที่ยวคนจีนแนะนำเป็นร้านแรกเพราะเค้าคิดว่าร้านอื่นที่เราได้แนะนำก่อนหน้านี้ไปมันแพงเว่อร์เกินไป และด้วยความชอบส่วนตัวแล้ว ร้านนี้ก็เป็นตัวเลือกแรกของเราเวลาจะพาเพื่อนที่ยังไม่เคยกินเป็ดปักกิ่งมากิน อีกอย่างที่ประทับใจร้านนี้คือบริการลูกค้าได้ดีเลิศ ถ้าเทียบกับร้านฉวนจู้เต๋อกับร้านต้าต่ง โดยเราเองมีความคิดเห็นส่วนตัวคือร้านสองร้านนั้นดังมาก เค้ามีลูกค้าเต็มตลอดเลยไม่ต้องง้อลูกค้ามาก ในขณะที่ร้านซื่อจี้หมินฝูจะรองรับลูกค้าระดับกลางๆหน่อย ดังนั้นบริการต้องประทับใจ อย่างเช่น คนเสิร์ฟจะถามทุกครั้งว่าเคยมากินมั้ย เคยกินเป็ดปักกิ่งหรือยัง ถ้าเราบอกว่ายังเค้าสอนเราโดยจะโชว์ให้ดูว่ากินส่วนไหนกับอะไร ห่อยังไงได้บ้าง ถ้าเป็นคนต่างชาติก็เอาช้อนส้อมมาให้ด้วย ต้องบอกว่าประทับใจมาก


ร้านนี้ต่างกับอีกสองร้านอีกจุดคือไม่มีการจองล่วงหน้า จะรับจองแค่ห้องส่วนตัวซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ไม่งั้นเราต้องมาที่ร้านแล้วรับบัตรคิว (เคยรอนานสุดเกือบ 2 ชั่วโมง) ดังนั้นต้องทำใจนิดนึง เคล็ดลับที่เราแนะนำคือเลือกร้านก่อน ถ้าร้านที่อยู่ใกล้ๆ สถานที่ท่องเที่ยว เช่น ร้านสาขาพระราชวังต้องห้าม ร้านนี้แหละรอนานสุด (แต่ถ้าโชคดีจะได้โต๊ะที่เห็นวิวพระราชวัง) ดังนั้นถ้าเป็นไปได้พยายามหาร้านที่ไม่ใกล้ที่เที่ยว ร้านที่เราเลือกไปบ่อยๆ จะอยู่ตรงสนามกีฬา (สาขากงถี) เพราะร้านนี้มีหลายชั้น โต๊ะเยอะ ถ้าโชคดีอาจจะได้ห้องด้วยถ้ามีห้องว่าง อีกเคล็ดลับคือพยายามมาก่อนเวลา Peak Hour เช่นมากินข้าวเที่ยงก็สัก 11 โมง หรือหลังบ่ายโมง มากินข้าวเย็นก็สัก 4 โมงครึ่ง 5 โมง หรือหลังสองทุ่ม เพราะจะเป็นช่วงที่คนไม่ค่อยมากิน เราก็อาจจะได้โต๊ะโดยไม่ต้องรอหรือไม่ต้องรอนานมาก ถ้ามาช่วงคนเยอะก็ทำใจรอไปได้เลย ที่นี่ดีอีกอย่างคือบริเวณนั่งรอก็จะมีจัดของว่างให้ทานเล่นได้ รวมทั้งน้ำเปล่าและน้ำผลไม้ให้ดื่ม ไม่ต้องหิ้วท้องรอ


อย่างที่ว่ามา ร้านนี้จะถูกกว่าร้านฉวนจู้เต๋อ และร้านต้าต่ง แต่ก็ไม่ได้ถูกกว่ามากขนาดนั้น โดยราคาเป็ดปักกิ่งจะอยู่ที่ 228 หยวน (1,050 บาท) ส่วนมากถ้ามากันแค่ 2 - 3 คน ก็จะสั่งแบบครึ่งตัวกันที่ราคา 128 หยวน (590 บาท) จากนั้นก็สั่งกับข้าวอย่างอื่นกินกัน ร้านนี้อาหารจานอื่นก็อร่อยเหมือนกัน เป็นร้านโปรดที่เราและเพื่อนๆ ชอบมากินกันมากที่สุด

 

ป.ล. สิ่งที่ต้องระวังกับเมืองจีนคือเค้าเก็บเงินเราทุกอย่างเลยนะ ต้องระวังให้ดี เช่น สั่งเป็ดปักกิ่งมาแล้ว แต่แป้งห่อกับกับแกล้มที่ไว้กินกับเป็ดเค้าจะคิดราคาเพิ่มนะ (ส่วนใหญ่ชุดละไม่เกิน 6 หยวน) พวกผ้าเช็ดมือก็เก็บเงินเหมือนกัน ดังนั้นใครไม่ใช้ก็บอกเค้าไปด้วยว่าไม่เอา (เช็คในบิลด้วยว่าเค้าเก็บตังค์ไปรึเปล่า)


ป.ล.2 ร้านเป็ดปักกิ่งทุกร้านส่วนใหญ่จะมาแล่เป็ดให้ลูกค้าดูทุกโต๊ะ ดังนั้นทุกคนเตรียมตั้งกล้องถ่ายไว้ได้เลยนะคะ

 

จบแล้วกับการแนะนำร้านอาหารเป็ดปักกิ่งในกรุงปักกิ่ง หวังว่าเพื่อนๆจะได้ความรู้ใหม่ๆไปบ้าง และถ้ามีโอกาสไปเที่ยวปักกิ่งก็ขอให้ได้แวะไปกิน

1,166 views0 comments

Comentarios


bottom of page