top of page
Fah Chana

(เกร็ดความรู้) เที่ยวจีนด้วยตัวเอง ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง

Updated: Sep 8, 2020

ถ้าใครคิดอยากจะไปเที่ยวเมืองจีนด้วยตัวเองแต่ไม่รู้จะเตรียมตัวยังไง วันนี้เรามาเขียนบทความแนะนำสั้นๆให้ทุกคนได้อ่านดู เผื่อจะช่วยในการเตรียมตัวเที่ยวจีนกันค่ะ


สิ่งที่สำคัญที่สุด "เงิน"


มาเที่ยวจีนทุกคนต้องรู้ว่าที่เมืองจีนนั้นเดี๋ยวนี้เค้าไม่ใช้เงินสดกันแล้วค่ะ แต่ไม่เหมือนบ้านเราที่มีการโอนเงินหรือรูดบัตร ที่จีนเค้าจ่ายกันผ่านแอพพลิเคชั่นในมือถือค่ะ หลักๆก็คือ WeChat (微信 - เวซิ่น) กับ Alipay (支付宝 - จือฟู่เป่า) ค่ะ แต่เราจะมีบัญชีเหล่านี้ได้ก็ต่อเมื่อเรามีบัญชีเงินในธนาคารของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้นค่ะ (มีในฮ่องกงก็ไม่ช่วยเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็น HSBC สามารถทำได้ แต่ต้องลำบากหน่อย) แต่ตอนนี้ทั้ง 2 แอพเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสามารถดาวน์โหลดแล้วผูกกับบัตรเครดิตเพื่อนำมาใช้ในจีนได้แล้ว อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย


การจ่ายเงินในเมืองจีนถ้ามาเที่ยวกันเองจะลำบากไม่น้อยถ้าเราไม่มีบัญชีเหล่านี้ เพราะร้านค้าส่วนใหญ่ที่เป็นร้านเล็กๆตามทาง ไม่ใช่ห้างใหญ่ๆ เค้าจะแทบไม่รับเงินสดกันแล้วค่ะ บางทีให้แบงค์ใหญ่ไปเค้าก็จะไม่มีทอนให้ ทำให้การจับจ่ายซื้อของลำบากกันพอสมควร แต่ถ้าเดินทางไปเที่ยวแค่ในสถานที่ท่องเที่ยวจะไม่มีปัญหานี้เพราะเค้ารับรองนักท่องเที่ยวจึงรับเงินสด แต่ถ้าเราต้องการซื้อของนอกบริเวณเหล่านั้นแล้วจะลำบากกันพอควร


หากไม่สามารถทำบัญชี Alipay หรือ WeChat ได้ สิ่งที่เราแนะนำคือถ้าคุณมีเพื่อนคนจีนหรือมีเพื่อนที่เคยอาศัยอยู่ที่จีนมาเที่ยวด้วย ถ้ามีก็พึ่งบัญชีเค้าให้เค้าจ่ายก่อนแล้วคุณก็จ่ายคืนเค้าอีกแบบง่ายๆไปเลย อีกวิธีคือพยายามเตรียมเงินสดให้พอดี อย่าถือแต่แบงค์ใหญ่ ให้หาที่แลกเงินแล้วแตกแบงค์ไว้เวลาจ่ายเงินจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้เงินทอน สุดท้ายแล้วคือลืมเรื่องบัตรเครดิตไปได้เลย เพราะร้านค้าจีนส่วนใหญ่ แม้แต่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ก็ไม่รับบัตรเครดิตต่างประเทศเลยค่ะ ทั้งบัตรวีซ่า อเมริกันเอ็กเพรส ลืมไปได้เลยค่ะ


ถ้าใครเดินทางไปเมืองจีนเพื่อทำงานหรือเรียนต่อเป็นเวลาหลายเดือนหน่อย อันนี้เป็นกรณีที่สามารถเปิดบัญชีในธนาคารจีนได้ค่ะ เวลาเปิดเค้าจะขอพาสปอร์ตมาดูระยะเวลาวีซ่า แต่ละธนาคารก็มีกฏเกณฑ์ไม่เหมือนกัน บางธนาคารเค้าจะเช็ควีซ่าว่าคุณมาอยู่กี่เดือน ถ้าเกิน 6 เดือนเค้าก็อนุญาตให้เปิดได้ แต่บางที่อยู่ 2 - 3 เดือนก็ได้เหมือนกัน ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือคุณเดินไปถามทุกธนาคารเลยว่าเค้าให้เปิดได้หรือไม่


ภาษาจีนไม่รู้ไม่รอด


ใครคิดว่าไปเที่ยวเดี๋ยวนี้ที่ไหนก็พูดภาษาอังกฤษกันได้หมดแล้ว คิดผิดค่ะ เมืองจีนนี่ไม่สามารถอยู่ได้อย่างสบายถ้าคุณไม่รู้ภาษาจีนจริงๆค่ะ อันนี้เข้าใจว่าอาจจะทำใจลำบากนิดนึงเพราะคุณคงกำลังคิดว่า โอ้โห จะไปเที่ยวทีต้องลงทุนเรียนภาษาใหม่ทั้งภาษาเลยหรอ? แต่นี่เป็นสิ่งที่เราต้องบอกเลยว่า ถ้าคุณพูดจีนไม่ได้การเที่ยวเองจะลำบากพอควรค่ะ


อย่างแรกเลย การเดินทาง นั่นคือคุณใช้ Google Map ไม่ได้เลย หรือต่อให้โหลดมารายละเอียดของบางที่ก็ไม่อัพเดท ประสบการณ์ตรงของเราเลยคือโหลดแอพมานั่งรถไฟใต้ดิน นั่งยังไงก็นั่งเลยที่ที่อยากไป งงมาก สุดท้ายมารู้ว่าสถานีที่เราจะไปเค้าปิดไม่ให้รถไฟสายที่เรานั่งมาหยุดให้คนขึ้นลง โอ้โห Google Map มันไม่รู้เรื่องเลยค่ะ ดังนั้นใครมาเที่ยวจีนแล้วอ่านภาษาจีนไม่ออกก็อาจจะต้องไปซื้อแผนที่มากางเดินกันเลยค่ะ คนที่นี่เค้ามี map ของเค้าเอง ทุกอย่างเป็นภาษาจีนหมด หลักๆ คือ 高德地图 เกาเต๋อตี้ถู กับ 百度地图 ไป่ตู้ตี้ถู ซึ่งถ้าคุณอ่านภาษาจีนได้บ้างก็แนะนำให้ลองโหลดมาใช้ดูค่ะ ละเอียดดีมาก มีทั้งแนะนำเส้นทางการเดินทางทั้งแบบเดิน ขี่จักรยาน ขับรถ รถไฟใต้ดิน รถเมล์ ครบรสจริงๆ มีแอพนี้อยู่รอดแน่นอน แอพนี้เชื่อมกับแอพอื่นสามารถใช้ควบคู่กันไปได้เช่นแอพเรียกรถแท็กซี่ แอพใช้รถจักรยานสาธารณะ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ เราก็มีอีกแอพนำเสนอ นั่นคือ maps.me เป็นแผนที่แบบ offline โหลดไว้ก่อนมาเที่ยวได้ แต่เรื่องความแม่นยำแล้วก็สู้แผนที่จีนไม่ได้หรอกค่ะ อันนี้คือสำหรับคนอ่านจีนไม่ได้จริงๆ

ต่อมาคือ การสื่อสาร ด้วยประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว ครั้งแรกที่ไปถึงปักกิ่ง เราก็คิดเองเออเองว่าปักกิ่งเป็นเมืองหลวงก็น่าจะเหมือนกรุงเทพฯของเรา ดังนั้นพนักงานส่วนใหญ่ในห้างใหญ่ๆ หรือสถานที่ทางการน่าจะพูดภาษาอังกฤษได้ดีระดับหนึ่ง แต่ความเป็นจริงคือแทบไม่ได้กันหมดเลย น้อยมากที่จะหาพนักงานบริการที่พูดภาษาอังกฤษได้ นอกจากว่าเราจะไปโรงแรมแบบหรูหรา 5 ดาวจริงๆถึงจะพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษได้ ดังนั้นเราแนะนำมากๆสำหรับคนที่ไม่รู้ภาษาจีนว่าให้ไปฝึกภาษาจีนแบบง่ายๆเพื่อใช้ในยามจำเป็น ขนาดสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังไม่พูดภาษาอังกฤษกันเลยค่ะ และเพื่อเป็นการใช้ยามฉุกเฉินควรโหลดแอพแปลภาษาไว้ก็ดีค่ะ เช่น Google Translate หรือใช้ WeChat ก็ได้เพราะมีตัวเลือกให้กดแปลข้อความได้ค่ะ



เที่ยวในจีนเดินทางยังไงได้บ้าง?


ถ้าเดินทางในเมืองนั้นส่วนใหญ่แล้วคนจีนทั่วไปเค้าจะเดินทางกันโดยรถไฟใต้ดินกับรถโดยสารค่ะ เมืองใหญ่ๆทุกเมืองจะมีรถไฟใต้ดินหมด การขึ้นรถไฟใต้ดินหรือขึ้นรถเมล์นั้นจะต้องใช้บัตรโดยสารแบบเติมเงิน เรียกกันว่า 交通卡 เจียวทงข่า บัตรนี้สามารถซื้อได้ที่สถานีรถไฟใต้ดินทุกสถานี จะมีตู้ประชาสัมพันธ์ที่มีบริการขาย ส่วนมากน่าจะพอเข้าใจได้ถ้าเข้าไปบอกว่าอยากซื้อบัตร แต่บางที่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเค้าจะไม่ขายบัตรเติมเงินให้แต่จะเป็นบัตรต่อสถานี อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไม แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเราอยู่กับเพื่อนที่เป็นฝรั่ง ส่วนตัวเวลาหน้าหมวยๆมาคนเดียวจะไม่มีปัญหาแบบนี้ สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือบัตรโดยสารของแต่ละเมืองไม่เหมือนกัน ดังนั้นถ้าเราเดินทางไปหลายเมือง เราก็ต้องซื้อบัตรโดยสารของทุกเมืองค่ะ (ส่วนตัวแล้วชอบเพราะบางที่เค้าจะมีบัตรโดยสารลวดลายสวยงาม เราเลยชอบนำมาสะสมเป็นของที่ระลึก) เวลาใช้เงินหมดแล้วจะมีตู้เติมเงินอัตโนมัติและมีออปชั่นภาษาอังกฤษให้ ตรงนี้ไม่ต้องกังวลค่ะ


อีกวิธีการเดินทางสำหรับคนไม่ชอบการเดินทางแบบสาธารณะก็คือการนั่งแท็กซี่นั่นเอง อันนี้อาจจะมีความยุ่งยากหน่อย การเรียกแท็กซี่ในจีนนั้นจะไม่เหมือนในกรุงเทพฯที่ไปไหนก็หาได้หมด ส่วนใหญ่เค้าจะอยู่แต่ที่ที่มีนักท่องเที่ยวเยอะๆ โรงแรมต่างๆ หรือสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก (แบบพวก downtown) การจะโบกแท็กซี่จึงไม่ง่ายถ้าเราไม่ได้อยู่สถานที่เหล่านี้ (เคยไปเดินห้างตอนมาจีนใหม่ๆ ห้างใหญ่มากแต่ไม่มีแท็กซี่เลย ขอให้ประชาสัมพันธ์เรียกให้ เค้าก็ฟังเราไม่รู้เรื่องอีก โอย) คนจีนเค้าจึงมีแอพเรียกรถแท็กซี่เหมือน Grab บ้านเราค่ะ แอพนี้เรียกว่า Didi 滴滴 ตีตี อันนี้ดีหน่อยสามารถดาวน์โหลดเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษได้ (แต่ออปชั่นจะน้อยกว่าภาษาจีนหน่อยนะ เช่น เลือกจำนวนคนนั่งไม่ได้ค่ะ) แอพนี้เราสามารถเลือกนั่งแท็กซี่แบบธรรมดา แท็กซี่แบบเอ็กเพรส แล้วก็แบบพรีเมี่ยม ราคาก็ต่างกันไปค่ะ ตอนเราอยู่จีนแล้วขี้เกียจมากๆ หรือเดินทางไปไหนที่รถสาธารณะไม่สะดวก ก็ใช้แอพนี้แหละค่ะ

สำหรับคนรักสุขภาพ ที่เมืองจีนจะมีจักรยานสาธารณะที่น่าใช้สุดๆถ้าเดินทางในตัวเมืองใกล้ๆ จักรยานสาธารณะเหล่านี้มีหลายบริษัท เวลาใครมาเที่ยวอาจจะเห็นจอดอยู่บนฟุตบาทเรียงรายกันหลากสีเลยทีเดียว จักรยานเหล่านี้เราต้องโหลดแอพของแต่ละบริษัทมาใช้กันค่ะ ตอนนี้หลักๆมีอยู่ 3 บริษัท อันแรกคือ Mobike 膜拜 มั๋วไป้ เป็นจักรยานสีส้ม อันที่สองคือ Hello Bike ของ Alibaba และสุดท้ายคือ didi bike ของตีตีนี่แหละ การใช้นั้นอย่างแรกเลยต้องมีบัญชีธนาคารจีนค่ะ เพราะการใช้ต้องเชื่อมกับบัญชีธนาคารเพื่อการตัดเงิน ดังนั้นใครไม่มีเสียใจด้วย แต่คนที่มีอ่านต่อได้เลย ปกติแล้วเราต้องจ่ายค่ามัดจำก่อน แต่ละบริษัทไม่เท่ากันต้องดูค่ะ หลังจากสมัครเรียบร้อยแล้ว การใช้คือเราต้องเปิดแอพแสกน QR Code ที่จะอยู่ตรงหัวรถจักรยาน ถ้า QR Code มันมัวๆถ่ายไม่ติด เราก็สามารถพิมพ์หมายเลขตัวรถที่จะอยู่ด้านล่างตรงคานของล้อหลังค่ะ เมื่อแสกนสำเร็จล็อคของจักรยานก็จะถูกปลดแล้วเราก็สามารถปั่นไปที่ไหนก็ได้เลยค่ะ ปั่นเสร็จแล้วก็หาที่จอดให้เรียบร้อย สถานที่ส่วนใหญ่เค้าจะวาดเส้นไว้ให้จอดจักรยานได้ค่ะ จอดเสร็จก็ต้องล็อคกลับเข้าไปเหมือนเดิม นี่ก็เสร็จสิ้นการใช้จักรยานค่ะ อันนี้เป็นการเดินทางที่ส่วนตัวแล้วชอบมาก เพราะถ้าเราเดินทางไปสถานที่ที่ไม่ไกลมากก็จะสะดวก เราเป็นคนไม่ชอบเดิน แต่บางทีที่ที่อยากไปมันห่างจากสถานีรถไฟใต้ดินมากไป จักรยานจึงเป็นทางเลือกที่ดี อีกอย่าง เราสามารถออกกำลังกายได้ด้วยค่ะ ช่วงหลังๆมานี้เหมือนเริ่มมีการผลิตจักรยานแบบไฟฟ้าออกมาในบางเมืองด้วย ในอนาคตอาจจะไม่ต้องปั่นเลยก็ได้ อีกอย่างที่ต้องคอยอัพเดทคือต้องเข้าใจว่าประเทศจีนนั้นบริษัทมันมาๆไปๆได้รวดเร็วมาก ก่อนหน้านี้มีแอพ OFO เราใช้ไปได้อยู่ปีเดียว ล้มละลายเฉย หลายคนเสียเงินค่ามัดจำไปก็เยอะ (มันมีคิวรอเอามัดจำคืนหลายแสนคนเลยทีเดียว) ดังนั้นก่อนไปก็ควรศึกษาเอาไว้หน่อยว่าแอพไหนยังใช้ได้อยู่


เราเขียนมาแต่การเดินทางใกล้ๆ มาเขียนเรื่องเดินทางไกลบ้าง ถ้าใครมาเที่ยวจีนคงไม่ได้มาเที่ยวแค่เมืองเดียว คงมาเที่ยวกันหลายๆเมืองใช่มั้ยคะ การเดินทางไกลของจีนมี 2 ทางหลักๆคือนั่งเครื่องบินกับนั่งรถไฟค่ะ เครื่องบินนี่ไม่เขียนอะไรเยอะเพราะค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่รถไฟนี่จะมีขั้นตอนนิดนึงค่ะ เราสามารถจองตั๋วรถไฟได้ 2 วิธีหลักๆ คือเดินทางไปที่สถานีรถไฟแล้วซื้อที่นั่นเลย หรือซื้อผ่านแอพค่ะ จริงๆคนจีนเค้าจะใช้แอพของเค้าเองนั่นคือ Ctrip หรือ 携程旅行 เสียเฉิงหลิ่วฉิง แต่อย่างว่าแอพเป็นภาษาจีนหมด เค้าเลยมีเวอร์ชั่นสำหรับชาวต่างชาติ นั่นคือ Trip.com ค่ะ ส่วนตัวใช้อันนี้บ่อยมาก เพราะใช้ได้ทั้งจองที่พัก จองตั๋วเครื่องบิน และจองตั๋วรถไฟ (เป็นแอพภาษาอังกฤษแอพเดียวที่ใช้จองตั๋วรถไฟในจีนได้) เที่ยวทีได้ครบรสเลย สะสมแต้มไปลดทริปหน้าได้ด้วย แนะนำสุดๆเลยค่ะ รถไฟของจีนเค้าก็แบ่งเป็นหลายประเภท มีรถไฟแบบธรรมดา วิ่งไม่เร็วเท่าไหร่ กับรถไฟความเร็วสูง ตอนนี้เหมือนเป็นรถไฟที่เร็วที่สุดในโลกแล้วค่ะ วิ่งที่ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนใหญ่ถ้าเดินทางไปเมืองใหญ่ๆ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ซีอาน จะมีรถไฟความเร็วสูงวิ่งตลอดเวลาค่ะ แต่ถ้าเป็นเมืองเล็กเนี่ย บางทีต้องเปลี่ยนรถไฟหลายครั้งและใช้เวลานานหลายชั่วโมงทีเดียวค่ะ เราเคยนั่งรถไฟธรรมดา 23 ชั่วโมง เป็นรถไฟแบบตู้นอน โอมายก๊อด เหนื่อยมากค่ะ บางสถานที่นั้นรถไฟความเร็วสูงก็ไปไม่ถึง ต้องเปลี่ยนเป็นรถไฟธรรมดาก็มี มีเพื่อนเคยบอกว่านั่งรถไฟจากคุนหมิงไปนานจิง 3 วัน! เตรียม powerbank ไปสามอันก็ยังไม่พอ (รถไฟธรรมดาไม่มีที่ชาร์จให้นะ)


สาย Foodie ห้ามพลาด


อันนี้เป็นความรู้ที่ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่ไปค่ะ หากเลือกไปทางตอนใต้ของจีน เช่น กวางตุ้ง เซี่ยงไฮ้ หรือมณฑลทางตอนใต้ของจีน อาหารส่วนมากของเค้าก็จะคล้ายๆอาหารจีนบ้านเรา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสไตล์แต้จิ๋ว (ซึ่งอยู่ในกวางตุ้ง) และสไตล์ฮ่องกง แต่ถ้าไปเที่ยวกันทางเหนือ เช่น ปักกิ่ง ฮาร์บิ้น อาหารการกินเค้าจะค่อนข้างแตกต่างจากเราเยอะ สิ่งที่เราสังเกตเลยแรกๆที่ไปคือเค้าจะไม่กินข้าวกันเท่าไหร่ แต่จะกินหมั่นโถวแทน รสชาติอาหารก็ค่อนข้างแตกต่างกันมาก จะมีความเค็มมากกว่าหวาน พูดจริงๆไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ และถ้าเดินทางมาช่วงกลางๆประเทศค่อนไปทิศตะวันออก แถบเฉิงตูและฉงชิ่ง อันนี้ก็ต้องได้ลองรับประทานม๋าล่า เผ็ดๆร้อนๆลิ้นชากันไปเลย อาหารที่เราแปลกใจที่สุดน่าจะเป็นพวก Hotpot นี่แหละ ไม่เคยคิดว่ามันป๊อบปูล่ามาก แต่ที่จีนนั้นเป็นร้านอาหารที่มีทั่วไป คนนั่งกินกับเต็มพรึ่บอย่างที่เราเห็นกันได้กับร้าน Haidilao ที่ตอนนี้มีสาขาในเมืองไทยแล้ว เราชอบร้านนี้มากแต่คิวยาวแสนยาว (บางช่วงเวลาก็รอพอๆกับที่เรารอกันที่เมืองไทยเลย)


อาหารจีนมีมากมายหลายชนิด ก่อนไปเราขอแนะนำให้ทุกคนทำการบ้านมาก่อน เพราะแต่ละเมืองก็จะมีอาหารท้องถิ่นที่แตกต่างกัน ถ้าอยากได้ประสบการณ์แบบเต็มที่ก็ควรศึกษาพวกอาหารหรือร้านอาหารดังแถวนั้น ตรงนี้เราเลยมีอีกแอพมาแนะนำกันค่ะ นั่นคือแอพ 大众点评 ต้าจ้งเตี่ยนผิง แอพนี้คล้ายๆกับ wongnai บ้านเราค่ะ มีทั้งแนะนำร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และร้านค้าทุกชนิด แม้แต่ร้านคาราโอเกะ (คาราโอเกะที่จีนเค้าเรียกว่า KTV เป็นอีกอย่างที่มีความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่คนจีน) ส่วนตัวแล้วชอบเป็นพิเศษเพราะเค้าให้รายละเอียดดี ตั้งแต่ราคาแบบต่อหัว เมนูอาหาร โปรโมชั่นต่างๆ และสั่งอาหารส่งถึงบ้านได้ บางที่ก็สามารถซื้อตั๋วในแอพได้เลย และได้ส่วนลดอีกด้วย (อีกอย่างที่น่าประทับใจคือเค้ามีแผนที่ในแอพ สามารถกดให้เค้าพาเดินไปได้เลย เป็นแอพที่ช่วยชีวิตมาก) แอพนี้นั้นไม่ได้จำกัดแค่ในประเทศจีน สามารถใช้เวลาไปเที่ยวประเทศอื่นด้วย (ตอนไปเที่ยวโปรตุเกสก็สามารถใช้ได้ ว้าว คนจีนเค้าไปถึงกันทุกที่จริงๆ)

MeiTuan 美团 & DaZhongDianPing 大众点评

สำหรับคนที่วางแผนไปเรียนต่อหรือทำงานที่จีน อีกแอพที่สำคัญในการกินคือแอพ 美团 เหม่ถวน อีกแอพที่สามารถดูรีวิวร้านอาหาร แต่ส่วนใหญ่คนจะใช้ในการสั่งอาหารแบบ delivery อันนี้ก็คล้ายๆกับต้าจ้งเตี่ยนผิงคือสามารถซื้อตั๋วซื้อโปรโมชั่น จองตั๋วภาพยนตร์ ฯลฯ ครบทุกออปชั่นจริงๆ


461 views0 comments

Comments


bottom of page